บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

หลวงพ่อวัดปากน้ำจะสอนอะไร

หลังจากที่หนังสือมักกะลีผลให้ความรู้ที่ผิดๆ ไปว่า วิชาธรรมกายดับทุกข์ไม่ได้ อย่างที่ผมเขียนลงไปในบทความ “วิชาธรรมกายดับทุกข์ไม่ได้” สุทัสสา  อ่อนค้อม ก็ยังนำเสนอข้อมูลที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนอีก อย่างไม่กลัวนรกที่จะต้องลงไป ดังนี้

“แล้วหลวงพ่อยังสอนธรรมกายอยู่ หรือว่าสอนวิปัสสนากรรมฐานครับ ผมหมายถึงสอนลูกศิษย์น่ะครับ”

“ยังสอนธรรมกายอยู่ เรายังไม่บังอาจสอนวิปัสสนากรรมฐาน เพราะ ตัวเราเองก็ยังเรียนไม่จบหลักสูตร ยังต้องศึกษาอีกมาก กว่าจะเรียนจบ” ภิกษุสูงวัยบอกเหตุผล

“แต่ถ้าหลวงพ่อเรียนจบหลักสูตรแล้ว หลวงพ่อจะสอนอะไรครับ ระหว่างวิชาธรรมกายกับวิชาวิปัสสนากรรมฐาน”

พระอุดมวิชชาญาณถาม พระเจริญแอบชื่นชมเจ้าคุณอาจารย์ที่พูดกับผู้อาวุโสกว่าด้วยอาการนอบน้อม มิได้ถือตัวว่า เป็นครูบาอาจารย์แต่ประการใด

“ผมก็ยังไม่ทราบหรอกครับท่านเจ้าคุณ อนาคตหาความแน่นอนไม่ได้ ผมอาจจะตายเสียก่อนเพราอายุอานามก็มากแล้ว

แต่ถ้าจะดูตามความสมัครใจของผู้เรียน ผมเชื่อว่า คนสมัยนี้ ส่วนใหญ่เขาอยากรวยอยากมั่งมีศรีสุข คงจะเลือกเรียนวิชาธรรมกายกันมากกว่า

แต่ถ้าผมพบคนมีปัญญา มองการณ์ไกลว่า จุดหมายของชีวิตมิได้อยู่ที่ความมั่งมีศรีสุข ผมก็จะสอนวิชาวิปัสสนากรรมฐานให้เขาครับ”

หลวงพ่อสดตอบคำถามโดยยึดความสมัครใจของผู้เรียนเป็นสำคัญ (หนังสือมักกะลีผล เล่ม 2 หน้า 1132-1133)

ข้อมูลที่หนังสือมักกะลีผลเขียนมาข้างต้นนั้น ก็บิดเบือนเหมือนเดิม แสดงความชั่วร้ายของคนเขียนเช่นเดิม ไม่มีความถูกต้องแม้แต่นิดเดียว

ผมถึงว่า ทำไมธาตุธรรมลงโทษสุทัสสา อ่อนค้อมหนักมาก  อ่านมาถึงตอนนี้ ผมอยากจะเสนอให้ธาตุธรรมลงโทษให้หนักอีกซักเท่าสองเท่า

ข้อความในส่วนนี้ เราต้องมาตีความกับคำศัพท์กันเสียก่อน  เพราะ เรื่องมันสลับซับซ้อนมากพอสมควร  พวกสมองหมา ปัญญาควายที่ไปนับถือพระมหาโชดกถึงมองกันไม่ออก

คำว่า “วิปัสสนากรรมฐาน” ที่สุทัสสา อ่อนค้อมใช้นั้น  มันไม่ใช่ “วิปัสสนากรรมฐาน” ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

คำว่า “วิปัสสนากรรมฐาน” ที่สุทัสสา อ่อนค้อมใช้นั้น  มันหมายถึงคำสอนของ “สายยุบหนอพองหนอ”  ขอให้เข้าใจตรงนี้ก่อน

วิปัสสนากรรมฐาน” จริงๆ นั้น ซึ่งมี 6 ประเภทใหญ่ๆ คือ ขันธ์ 5 อายตนะ 12 ธาตุ 18 อินทรีย์ 22 อริยสัจ 4 ปฏิจจสมุปบาท 12 หลวงพ่อวัดปากน้ำเขียนหลักสูตรไว้ชัดเจนแล้ว ขอให้ไปอ่านได้ที่นี่

ขันธ์ ๕
อายตนะภายใน ๖
อายตนะภายนอก ๖
ธาตุ ๑๘
อินทรีย์ ๒๒
อริยสัจจ์ ๔
วิธีพิจารณาปฏิจจสมุปบาทธรรม

จากหลักฐานที่ยืนยันไปข้างบนนั้น  แสดงให้เห็นชัดเจนว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำสอนวิปัสสนากรรมฐานอย่างแน่นอน  และสอนมากกว่านั้น

สอนมานานแล้ว สอนอย่างมีหลักสูตร มีตำราให้เรียนอย่างชัดเจน

มหาโชดกเองนั่นแหละที่มั่ว  ไม่เคยกล่าวถึง ขันธ์ 5 อายตนะ 12 ธาตุ 18 อินทรีย์ 22 อริยสัจ 4 ปฏิจจสมุปบาท 12 ว่าทำอย่างไร

ผมย้ำมาแล้วหลายครั้งว่า สายยุบหนอพองหนอสอนแค่เดินจงกรมไปมา พิจารณาอิริยาบถใหญ่ อิริยาบถย่อย และพิจารณาพระไตรลักษณ์ไปด้วยเท่านั้น ไม่มีคำสอนอื่นในทางปฏิบัติมากกว่านี้

ขอยกตัวอย่างคำถามง่ายๆ เช่น อินทรีย์ 22  สายยุบหนอพองหนอทำอย่างไร?

ไม่เคยมีคำสอนของสายยุบหนอพองหนอที่ตอบปัญหาดังกล่าว  สงสัยว่าคำตอบคงจะออกมาแบบนี้คือ

เดินไปเดินมา แล้วพิจารณาอินทรีย์ 22 ไปด้วย หรือตีลังกาไป พิจารณาอินทรีย์ 22 ไปด้วย

ขอย้ำอีกครั้งว่า   ไม่มีความชัดเจนว่า ในการเรียนวิปัสสนากรรมฐานจริงๆ คือ ขันธ์ 5 อายตนะ 12 ธาตุ 18 อินทรีย์ 22 อริยสัจ 4 ปฏิจจสมุปบาท 12 มหาโชดกสอนให้ทำอย่างไร

มหาโชดกกับสาวกก็คุยโตโม้โอ้อวดโกหกประชาชนไปวันๆ เท่านั้น...

กลับมาเรื่องที่ว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำจะสอนยุบหนอพองหนอหรือไม่ ผมขอยืนยันว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องโกหกชัดเจน โกหกกันแบบหน้าด้านๆ  หลักฐานของผมก็มีดังนี้ 

การสอนวิชาธรรมกายนั้น หลวงพ่อเขียนหนังสือไว้ 4 เล่ม ผมยกตัวอย่างอีกครั้งก็ได้ เพื่อใครอยากจะไปอ่าน

ทางมรรคผล 18 กาย http://wayofnivarana.blogspot.com
คู่มือสมภาร http://originalabbothandbook.blogspot.com
วิชชามรรคผลพิสดาร http://makphonphitsadan.blogspot.com
วิชชามรรคผลพิสดาร ๒ http://Makphonphitsadan2.blogspot.com

นอกจากหนังสือดังกล่าวแล้ว หลวงพ่อวัดปากน้ำยังเทศน์ไว้อีก อย่างน้อยก็ประมาณ 70 กัณฑ์ที่มีการอัดเทปและเผยแพร่

ถามจริงๆ ว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำเคยกล่าวถึงการปฏิบัติธรรมแบบยุบหนอพองหนอไว้ในคำสอน หรือหนังสือของท่านหรือไม่

ประวัติของหลวงพ่อวัดปากน้ำนั้น ท่านเคร่งครัดวินัยมาก ท่านไม่พูดโกหกแน่ๆ ถ้าท่านเห็นว่า ยุบหนอพองหนอดีกว่า ท่านเลิกสอนวิชาธรรมกายไปนานแล้ว  ไม่ต้องมีใครมาป่าวประกาศแทนท่านด้วย

ข้อความที่บิดเบือนมากที่สุดก็คือ ข้อความนี้

ผมเชื่อว่า คนสมัยนี้ ส่วนใหญ่เขาอยากรวยอยากมั่งมีศรีสุข คงจะเลือกเรียนวิชาธรรมกายกันมากกว่า

แต่ถ้าผมพบคนมีปัญญา มองการณ์ไกลว่า จุดหมายของชีวิตมิได้อยู่ที่ความมั่งมีศรีสุข ผมก็จะสอนวิชาวิปัสสนากรรมฐานให้เขาครับ”

ผมขอเอาตัวเองเป็นตัวอย่าง ผมบวชพระมาแล้ว 4 ครั้ง เณรก็ประมาณนั้น บวชที่วัดอัมพวัน 1 พรรษา  ผมไม่เคยบวชวัดปากน้ำ ไม่เคยบวชวัดที่เป็นสาขาของวัดปากน้ำ 

ผมอ่านหนังสือและปฏิบัติธรรมทั้ง 2 แบบมาเป็น 10 ปี  ผมยังเลือกเรียนวิชาธรรมกาย เลือกเป็นวิทยากรสอนวิชาธรรมกาย

ในทางปริยัตินั้น วิชายุบหนอพองหนอ “มั่ว” หาที่เปรียบไม่ได้ 

ไม่สอดคล้องกับพระไตรปิฎก ไม่สอดคล้องกับวิสุทธิมรรค  ผมถึงพูดบ่อยๆ ว่า  สาวกพระพม่าเป็นพวกสมองหมาปัญญาควายกันทุกคน

ในทางปฏิบัติ  การเดินจงกรมไปมา พิจารณาอิริยาบถใหญ่ อิริยาบถย่อย และพิจารณาพระไตรลักษณ์ไปด้วยเท่านั้น แทบจะไม่เป็นการปฏิบัติธรรมของศาสนาพุทธ

ถ้าถามว่า อยู่ในขอบข่ายของสติปัฏฐาน 4 ไหม ผมก็ยืนยันว่า “อยู่”  แต่การเดินไปมา และพิจารณาพระไตรลักษณ์แบบยุบหนอพองหนอนั้น  มันใช้ “การคิด” แบบนักปรัชญาเขาทำกัน  ไม่ใช่ปฏิบัติธรรมแบบศาสนาพุทธ

ศาสนาพุทธต้อง “เห็น” และ “รู้” ระหว่างที่ทำสมาธิ  มีคำบาลีที่สำคัญมากอยู่คำหนึ่ง  พวกสมองหมา ปัญญาควายที่จบเปรียญทั้งหลายไม่ค่อยกล้าแปลเป็นภาษาไทย 

คำนั้นก็คือ  “ยถาภูตญาณทัสสนะ”

ยถาภูต
ตามความเป็นจริง
ญาณ
ความรู้
ทสฺสน
การเห็น

“ยถาภูตญาณทัสสนะ” การควรจะแปลว่า “การรู้การเห็นตามความเป็นจริง” หรือ “การเห็นการรู้ตามความเป็นจริง”  คำว่า “วิปัสสนา” แปลว่า “เห็นแจ้ง”


การสอนของหลวงพ่อวัดปากน้ำในวิชาธรรมกายก็เป็นการสอนให้ “รู้แจ้ง เห็นจริง” ก็สอดคล้องและถูกต้องตามพระไตรปิฎกทุกประการ.


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น