หลังจากที่หนังสือมักกะลีผลพาพระเจริญมาพบหลวงพ่อวัดปากน้ำแล้ว
ต่อจากนั้นก็มาถึงตอนพระเจริญฝึกวิชาธรรมกายด้วยตัวของท่านเอง
จากนั้น จึงนั่งขัดสมาธิ เท้าขวาทับเท้าซ้าย มือขวาทับมือซ้าย
นิ้วหัวแม่มือเหลื่อมกัน แล้วจึงเริ่มต้นภาวนา “สัมมาอรหัง”
ตั้งจิต ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะภาวนาอยู่อย่างนี้ไป
จนกว่าเทียนจะหมดเล่ม
……………………
จึงนั่งหลับตามภาวนาต่อไป พอจิตจวนจะตั้งมั่น
ความคิดก็เข้ามารบกวน ท่านคิดโน่นคิดนี่เรื่อยเปื่อย พอรู้ตัวก็กลับมากำหนด
“สัมมาอรหัง” ต่อ
(หนังสือมักกะลีผล เล่ม 2 หน้า 963)
|
ข้อความข้างต้นของหนังสือมักกะลีผลเป็นหลักฐานยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า
สุทัสสา อ่อนค้อมไม่เคยศึกษาวิชาธรรมกายจากเอกสาร
ความรู้ทางวิชาธรรมกายของสุทัสสา
อ่อนค้อมเป็นเรื่องเล่าสืบต่อกันมา ของพวกที่ไม่ชอบวิชาธรรมกายเท่านั้น
สุทัสสา
อ่อนค้อมไม่เคยเข้าใจการปฏิบัติธรรมแบบวิชาธรรมกายเลยแม้แต่น้อย
การปฏิบัติธรรมแบบวิชาธรรมกายนั้น
ถ้านั่งก็คล้ายกับการปฏิบัติธรรมสายอื่นคือ เท้าขวาทับเท้าซ้าย
มือขวาทับมือซ้าย
ที่ต่างออกไปก็คือ
นิ้วชี้มือขวาจะจรดกับหัวแม่มือข้างซ้าย ไม่ใช่ “นิ้วหัวแม่มือเหลื่อมกัน”
ความผิดพลาดที่สำคัญที่สุดก็คือ
สุทัสสา อ่อนค้อมไม่รู้ว่า การปฏิบัติธรรมแบบวิชาธรรมกายเป็นอย่างไร
การปฏิบัติธรรมแบบวิชาธรรมกายนั้น
จะต้องท่องบทสวดวิธีบูชาพระ ว่าก่อนภาวนาทุกครั้งเสียก่อน
ถ้าสงสัยว่าบทสวดนั้น
เป็นอย่างไรก็ไปอ่านที่นี่
เมื่อท่องบทสวดเสร็จแล้ว
เราก็จะต้องเอาใจจรดไปตามฐานทั้ง 7 ฐาน ดังนี้
คนเมื่อฝึกใหม่ๆ
ยังไม่เห็นดวงปฐมมรรคของตนเอง ก็นึกใช้จินตนาการนึกเป็นดวงนิมิตกลมใสไปตามฐานทั้ง 7
แต่คนที่เก่งแล้ว
ผ่านวิชา 18 กายแล้ว แค่เอาจะไปหยุดตามฐานทั้ง 7 ก็จะเห็นดวงใสอยู่ตามฐานนั้น
ดวงใสนั้นอยู่ที่นั่นจริงๆ ไม่ใช่นึกเอา
หลักจากนั้น
จึงไปภาวนาอยู่ที่ฐานที่ 7 นึกให้เห็นดวงใสไปด้วย ท่องคำภาวนาไปด้วย คือ ใจต้องทำงาน 2 อย่าง
ถ้าทำอย่างใดอย่างหนึ่ง
เดี๋ยวใจก็เผลอไปเรื่องอื่น
ที่ผิดต่อมาก็คือคำนี้ “พอรู้ตัวก็กลับมากำหนด
“สัมมาอรหัง” ต่อ” คำว่า “กำหนด”
เป็นคำในสายยุบหนอพองหนอ ไม่ใช่คำของสายวิชาธรรมกาย สายวิชาธรรมกายไม่ใช่คำนี้
เมื่อใจของเราเผลอไปคิดเรื่องอื่นแล้ว
พอนึกได้ ก็มาภาวนาสัมมาอะระหังและนึกให้เห็นดวงใสใหม่ วิชาธรรมกาย ไม่ใช้คำว่า “กำหนด”
จากที่เขียนมาทั้งหมดถึง
6 บทความแล้ว จะเห็นว่า สุทัสสา อ่อนค้อมไม่ได้มีหมายความรู้ในวิชาธรรมกายในระดับที่นักวิชาการระดับดอกเตอร์ควรจะเป็น
เป็นความผิดพลาดที่อภัยกันไม่ได้
ในฐานะที่เป็นนักวิชาการด้วยกัน
แต่การที่อภัยกันไม่ได้ในทางวิชาการนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบอันใดต่อสุทัสสา
อ่อนค้อม
สิ่งที่น่ากลัวเป็นอย่างมากก็คือ
การอภัยให้กันไม่ได้ในทางธาตุธรรม เพราะ
ประการหลังนี้ ส่งผลกระทบอันมากมายมหาศาลอย่างที่สุทัสสา อ่อนค้อมคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
แต่...รอให้สุทัสสา
อ่อนค้อมตายเสียก่อน แล้วท่านก็จะเสียใจต่อการเกิดในชาตินี้อย่างสุดซึ้งเลยทีเดียว........
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น