บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

พระเจริญสำเร็จวิชาธรรมกาย



พระเจริญเรียนวิชาธรรมกายอยู่ที่วัดปากน้ำ 6 เดือน ไม่ได้ผลอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน  พระเจริญจึงลาหลวงพ่อวัดปากน้ำกลับวัดเดิม

เรื่องบรรยายมาถึงตอนที่พระเจริญกำลังอยู่บนรถเมล์ ทั้งยืน ทั้งโหน ทั้งถือของ ไม่มีใครช่วย ดังนี้

ทุกนาทีดูเหมือนผ่านไปอย่างเชื่องช้า คนที่นั่งรู้สึกเบื่อ จึงพากันหลับเสียส่วนมาก คนที่ยืนไม่มีสิทธิ์หลับ โดยเฉพาะพระภิกษุที่หิ้วลังมือหนึ่ง โหนราวรถเมล์อีกมือหนึ่ง

ท่านรู้สึกอึดอัด ร้อน และกระหายน้ำ ขาทั้งสองข้างแข็งเกร็งราวกับท่อนไม้

หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ท่านถึงกับขาสั่นพั่บๆ ด้วยเมื่อยเสียจนแทบไม่ไหว ไหนจะกังวลว่า จะไปไม่ทันเรือเมล์อีกเล่า

ช่วงนาทีวิกฤตินั้น ท่านนึกถึงหลวงพ่อสด “หลวงพ่อช่วยลูกด้วย จะทนไม่ไหวแล้วครับ” ภิกษุหนุ่มมิรู้ที่จะทำอะไรให้ดีไปกว่านั้น จึงนืนกำหนด “สัมมาอรหัง” ไปเรื่อยๆ

สะพานปิดหลังจากที่เปิดให้เรือสินค้าขนาดใหญ่แล่นผ่านไปแล้ว

รถราที่ติดกันเป็นแถวยาวเหยียดเริ่มเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ พระเจริญยังไม่ยอมหยุดกำหนด “สัมมาอรหัง” และดูเหมือนว่า ความทรมาณทั้งหลายค่อยเพลาลง

เมื่อรถแล่นมาถึงกลางสะพาน เป็นเวลาเดียวกับที่จิตของท่านตั้งมั่นเป็นสมาธิ จากนั้นก็รู้สึกเย็บวาบไปทั่วสรรพางค์ แสงสว่างไสวปรากฏขึ้นในมโนนึก

แล้วท่านก็เห็นตัวเองเดินอยู่ฝั่งพระนคร ถือลังด้วยมือชวา แสงสว่างจ้าจับอยู่รอบๆ ตัว “เอ๊ะ นั่นตัวเรานี่นา ทำไมถึงไปเดินอยู่ฝั่งโน้นได้ ท่านสงสัย

ผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆ ท่าน และท่านก็รู้ด้วย “จิต” ว่า เขาเป็นคนสิงห์บุรี กำลังจะไปขึ้นรถเมล์ “พงษ์ประจักษ์” ที่ท่าเตียนเหมือนกับท่าน

ภิกษุวัยยี่สิบห้า มองร่างของท่านที่มีแสงสว่างไสวพุ่งออกมาจากกาย และบอกตัวเองว่า “อ้อ นี่เราสำเร็จธรรมกายแล้ว หรือนี่ โธ่เอ๋ย มาได้บนรถเมล์นี่เอง”

ท่านนึกอย่างยินดี ทันใดนั้น ผู้คนที่นั่งเก้าอี้มองมาเห็นท่านยืน จึงต่างแย่งกันลุกให้ท่านนั่ง..

“นิมนต์ พระคุณเจ้านั่งครับ นิมนต์”

ไม่เป็นไรจ้ะโยม ขอบคุณ อาตมาจะลงที่ท่าเตียนนี่เอง จวนถึงแล้ว”

ท่านบอกพวกเขา พลางนึกในใจว่า “แหมปล่อยให้เรายืนเป็นชั่วโมงจนขาแข็ง พอเห็นเราได้ธรรมกาย รีบลุกให้นั่งกันใหญ่เชียว จ้างก็ไม่นั่ง เมินซะชาตินึง”

พระหนุ่มถือโอกาสเล่นตัว นานนักหนาแล้ว ที่ไม่ได้ทำอย่างนี้

(หนังสือมักกะลีผล เล่ม 2 หน้า 992-994)

ข้อความข้างต้นนั้น ผิดทั้งหมด ไม่ว่าจะเรื่องใดๆ แสดงให้เห็นคุณภาพในการเขียนนวนิยายของสุทัสสา อ่อนค้อมได้เป็นอย่างดี

สุทัสสา อ่อนค้อมต้องการจะเขียนให้ผู้อ่านรู้ว่า พระเจริญ “สำเร็จวิชาธรรมกายแล้ว” โดยความยากลำบากทรมาณร่างกาย

จึงจินตนาการให้เป็นพระถือของ หิ้วลังอยู่บนรถเมล์ในสมัยนั้น

ผมขอยืนยันได้เลย ในสมัยนั้น ไม่มีใครใจดำ หรือใจบาปหยาบช้าให้พระโหนรถเมล์อยู่อย่างนั้น สมัยนี้ ยังไม่ค่อยจะมีเลย

ถ้าให้ผู้หญิงโหนรถเมล์นี่เห็นได้เป็นปกติ

ประการสำคัญที่สุดก็คือ พระเจริญไม่ได้สำเร็จวิชาธรรมกายอะไรเลย ไม่ได้อะไรจากวิชาธรรมกายเลย  วิชาธรรมกายไม่ได้สำเร็จกันอย่างนั้น

ก่อนอื่นขอยกหลักฐานในทางวิชาการกันก่อน  หนังสือตำราวิชาธรรมกายที่หลวงพ่อวัดปากน้ำเขียนมีทั้งหมด 4 เล่ม ดังนี้

ทางมรรคผล 18 กาย http://wayofnivarana.blogspot.com
คู่มือสมภารhttp://originalabbothandbook.blogspot.com
วิชชามรรคผลพิสดารhttp://makphonphitsadan.blogspot.com
วิชชามรรคผลพิสดาร ๒http://Makphonphitsadan2.blogspot.com

ในที่นี้ขออธิบายคร่าวๆ ให้ผู้อ่านเข้าใจดังนี้

วิชาธรรมกายนั้น ก็คือ วิชาของพระพุทธเจ้า  การสำเร็จวิชาธรรมกายในฐานะพระอรหันต์สาวกก็คือ กำจัดกิเลสและสังโยชน์จนหมดสิ้น และเป็นพระอริยบุคคล คือ เป็นพระอรหันต์

นั่นคือ สำเร็จวิชาธรรมกาย ในความหมายของพระเจริญ

แต่ในทางวิชาธรรมกายกันจริงๆ ไม่มีคำว่า “สำเร็จวิชาธรรมกาย” เพราะ หลักสูตรมีมากมาย ตัวหลักสูตรก็คือ หัวข้อธรรมะในพระไตรปิฎกนั่นเอง

ซึ่งหัวข้อธรรมะเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นสำนักใด ก็ไม่สามารถอธิบายอย่างสมเหตุสมผลได้

วิชาธรรมกายนั้น ต้องผ่านขั้นตอน ดังต่อไปนี้

1) ต้องเห็นดวงปฐมมรรคเสียก่อน  ดวงปฐมมรรคเป็นดวงกลมใส อยู่ที่ฐานที่ 7 เหนือระดับสะดือ 2 นิ้วมือของใครของมัน ในท้องของคนๆ นั้น

การเห็นดวงปฐมมรรคนี้ บางคนไม่เข้าใจ เพราะ นึกเห็นดวงนิมิตที่ฐานที่ 7 ก็คิดว่า ตนเห็นดวงปฐมมรรคแล้ว ที่จริงแล้วไม่ใช่

ความแตกต่างระหว่างการเห็นดวงนิมิต ซึ่งจินตนาการขึ้นมา กับการเห็นดวงปฐมมรรคซึ่งมีจริงๆ ณ ฐานที่ 7 ก็คือ

การเห็นดวงนิมิตจะมีทิศทางกำกับอยู่ เพราะ เราจะเคยชินการเห็นด้วยตาเนื้อ ที่เห็นสิ่งของก็เป็นเพราะ แสงสะท้อนสิ่งของเข้าตาของเรา

ส่วนการเห็นดวงปฐมมรรคนั้น เป็นการเห็นโดยรอบ คือ เห็นดวงใสทีเดียวทั้งดวง ทั้งข้างนอก ข้างใน ข้างบน ข้างล่าง

การเห็นแบบนี้ เป็นปัจจัตตัง ต้องเห็นด้วยตนเองจึงจะเข้าใจ การอธิบายให้ฟังนั้น อธิบายได้แค่นั้น

ประการสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ  ในการเห็นดวงปฐมมรรคนั้น เราจะมีความสุขจากความสงบด้วย ตามบาลีที่ว่า “นัตถิ สันติ ปะรัง สุขขัง

คนที่เห็นดวงปฐมมรรคแล้ว จะเข้าใจคำว่า “นัตถิ สันติ ปะรัง สุขขัง”  

2) ต่อมาต้องเห็นกาย 18 กาย คือ เรียนวิชา 18 กายให้ผ่านเสียก่อน  วิชา 18 กายในหลักสูตรของวิชาธรรมกายนั้น ถ้าเปรียบเทียบกับการศึกษาของประเทศนั้น เทียบได้กับระดับอนุบาลศึกษา เท่านั้น

จากที่เขียนมาทั้งหมดในส่วนนี้ จะเห็นได้ว่า สุทัสสา อ่อนค้อมไม่ได้มีความรู้ในวิชาธรรมกายอย่างถูกต้อง  สุทัสสา อ่อนค้อมไม่เคยศึกษาเอกสารของวิชาธรรมกาย

การเขียนหนังสือมักกะลีผลขึ้นมา และทำให้ตนเองต้องไปอบายภูมิ จึงเป็นความผิดพลาดที่สุดในชีวิตนี้ของ สุทัสสา อ่อนค้อม 

ผลพวงของการกระทำนี้ ไม่ได้ส่งผลเฉพาะในชาตินี้เท่านั้น สุทัสสา อ่อนค้อมจะต้องไปชดใช้กรรมอย่างแสนสาหัสนับภพนับชาติไม่ถ้วน


และจะไม่มีใครสามารถช่วยสุทัสสา อ่อนค้อมได้เลย  เพราะ ผู้ที่ลงโทษสุทัสสา อ่อนค้อม เป็นธาตุธรรมฝ่ายขาว ซึ่งมีพระพุทธเจ้าทุกพระองค์อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น