บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

วิชาธรรมกายดับทุกข์ไม่ได้



เมื่อมหาโชดกกับพระเจริญไปถึงวัดปากน้ำแล้ว พระเจริญก็ได้พูดคุยกับหลวงพ่อวัดปากน้ำ หลวงพ่อเจริญบอกว่า “ได้ธรรมกายแล้ว” ซึ่งไม่จริง และผมได้วิพากษ์วิจารณ์ไปแล้ว ในตอน “พระเจริญสำเร็จวิชาธรรมกาย

ต่อจากนั้นมา หนังสือมักกะลีผล เล่ม 2 หน้า 1132 มีเนื้อหา ดังนี้

“อ้อ ได้แล้วหรือ แล้วทำไมถึงหันมาสนใจวิปัสสนาล่ะ” หลวงพ่อสดถามลูกศิษย์

“เพราะ ผมเห็นว่า การเจริญวิปัสสนากรรมฐานสามารถดับทุกข์ได้ครับ ส่วนวิชาธรรมกายดับทุกไม่ได้” ประโยคหลังท่านมิได้พูดออกมา ด้วยเห็นว่า เป็นการไม่สมควร

“ถูกต้อง คนมีปัญญาจะต้องเห็นอย่างนี้ เขาเรียกว่า เห็นตามที่เป็นจริง ซึ่งไม่ใช่จะเห็นกันได้ง่ายๆ”

“ครับ แล้วหลวงพ่อล่ะครับ เหตุใดจึงมาสนใจวิปัสสนากรรมฐาน” พระเจริญถามสมภารวัดปากน้ำ

“เราก็เห็นอย่างที่เธอเห็นนั่นแหละ ว่ามี่จริงแล้ว วิชาธรรมกายที่เราสนอนั้น มันช่วยญาติโยมได้เฉพาะในทางโลก คือ ช่วยให้เขาร่ำรวย มั่งมีศรีสุข ช่วยดับทุกข์จรได้ แต่ทุกข์ประจำดับไม่ได้

เพราะถึงพวกเขาจะร่ำรวยมั่งมีศรีสุขประการใด ก็ยังต้องประสบกับทุกข์ประจำคือ ความเกิด ความแก่ และความตาย

ส่วนวิปัสสนากรรมฐานนั้น หากเราปฏิบัติจนบรรลุมรรคผลนิพพาน ก็จะดับทุกข์ประจำได้อย่างเด็ดขาด ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก” หลวงพ่อสดอธิบาย

ข้อความข้างต้นนั้น “ไม่จริง” ทั้งหมด ผิดพลาดคลาดเคลื่อนทั้งหมด

1) วิปัสสนากรรมฐานแต่เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถทำให้คนไปนิพพานได้

ตรงนี้ พระพม่าโง่ไปเอง ก็พาลูกศิษย์โง่ดักดานตามไปด้วย การจะไปนิพพานได้นั้น ต้องผ่านวิชชา 3 แล้วกิเลสกับสังโยชน์ต้องหมดไป

กิเลสหมด บรรลุโสดาบัน  สังโยชน์หมด บรรลุพระอรหันต์

กิเลสอย่างหยาบ กลาง ละเอียดสามารถสรุปได้ ดังนี้

หยาบ
อภิชฌา
พยาบาท
มิจฉาทิฐิ
กลาง
โลภะ
โทสะ
โมหะ
กลาง
ราคะ
โทสะ
โมหะ
ละเอียด
กามราคานุสัย
ปฏิฆานุสัย
อวิชชานุสัย

สังโยชน์

วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ในหัวข้อ “สังโยชน์” ได้ให้ความหมายของสังโยชน์ว่า คือกิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์, ธรรมที่มัดสัตว์ไว้กับทุกข์ หรือกิเลสเครื่องร้อยรัดจิตใจให้จมในวัฏฏะ มี 10 อย่าง คือ

ก. โอรัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องต่ำ 5 ได้แก่
1. สักกายทิฏฐิ
2. วิจิกิจฉา
3. สีลัพพตปรามาส
4. กามราคะ
5. ปฏิฆะ

ข. อุทธัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องสูง 5 ได้แก่
6. รูปราคะ
7. อรูปราคะ
8. มานะ  
9. อุทธัจจะ
10. อวิชชา

พระโสดาบัน ละสังโยชน์ 3 ข้อต้นได้คือ หมดสักกายทิฏฐิ,วิจิกิจฉาและสีลัพพตปรามาส
พระสกทาคามี ทำสังโยชน์ข้อ 4 และ 5 คือ กามราคะและปฏิฆะ ให้เบาบางลงด้วย
พระอนาคามี ละสังโยชน์ 5 ข้อต้นได้หมด
พระอรหันต์ ละสังโยชน์ทั้ง 10 ข้อ

พระพม่าและมหาโชดกมีคำอธิบายอย่างที่ผมยกไปข้างต้นหรือไม่ 

พระโชดกไปมั่วนิ่มเอาญาณ 16 ของคัมภีร์วิสุทธิมรรคมามั่วนิ่ม คือ ใช้คำถามถามคนฝึก แล้วก็เดาเอาว่า สำเร็จญาณไหนแล้ว ศัพท์ของพวกนี้เรียกว่า “การสอบอารมณ์

ผมข้อยืนยันว่าเป็นการสอบที่งี่เง่ามาก และเป็นไปไม่ได้ เพราะ ในคัมภีร์วิสุทธิมรรคยืนยันไว้แน่นอนแน่นหนาว่า ผู้ที่ผ่านญาณ 16 ได้นั้น ต้องได้รูปฌานกับอรูปฌานก่อน โดยการฝึกสมถกรรมฐาน

มหาโชดกรังเกียจสมถกรรมฐานและรังเกียจฌานมากถึงมากที่สุด แล้วจะผ่านญาณ 16 ไปได้อย่างไร

แล้ว ญาณ 16 นั้น ต้องอาศัย “การเห็น” ทั้งสิ้น มหาโชดกไม่ยอมเห็นสิ่งใด  แล้วจะผ่านญาณ 16 ไปได้อย่างไร

2) มหาโชดกเคย “เห็นตามที่เป็นจริง” หรือไม่

คำว่า “เห็นตามที่เป็นจริง” ในหนังสือมักกะลีผลดังกล่าว  มาจากภาษาบาลีว่า “ยถาภูตญาณทัสสนะ”  มาจากรากศัพท์ ดังนี้

ยถาภูต (ตามความเป็นจริง) + ญาณ (ความรู้) + ทสฺสน (การเห็น) ซึ่งควรจะแปลว่า รู้เห็นตามความเป็นจริง หรือการรู้การเห็นตามความเป็นจริง

ยถาภูตญาณทัสสนะนั้น ต้องเห็นถึงจะรู้ ต้องเห็นจากการปฏิบัติธรรม ไม่ใช่เห็นด้วยตาเนื้อของเรา เพราะ การเห็นด้วยตาเนื้อนั้น ไม่ใช่เป็นการรู้เห็นตามความเป็นจริง

การเดินจงกรมไปมา พิจารณาอิริยาบถใหญ่ อิริยาบถย่อย และพิจารณาพระไตรลักษณ์ไปด้วยนั้น  เมื่อมีความรู้อะไรเกิดขึ้น  เป็นความรู้ที่เกิดจากการคิด ไม่ใช่เป็น ยถาภูตญาณทัสสนะ  เพราะ ไม่ได้ “เห็น” ด้วย

ดังนั้น การปฏิบัติธรรมตามแบบยุบหนอพองหนอนั้น  ไม่ได้เข้าถึงศาสนาพุทธอย่างลึกซึ้งแต่ประการใด 

ตายไปแล้ว ได้ขึ้นสวรรค์ชั้น 1 ก็เป็นบุญหัวแล้ว

เพราะ มหาโชดกก็ไปอบายภูมิ  คุณแม่สิริ กรินชัยก็ไปอบายภูมิ  พระมหาสีสะยาดอว์ก็ไปอบายภูมิ มีแต่พระพิมลธรรมเท่านั้น ที่อยู่สวรรค์ชั้น 1 เพราะ ท่านไม่ได้ลงมาสอนยุบหนอพองหนอด้วยตัวท่านเอง  แต่ควบคุมนโยบาย เท่านั้น

3) ตำราที่อธิบายการไปนิพพานที่สอดคล้องกับพระไตรปิฎกของสายยุบหนอพองหนอมีหรือไม่ 

ของหลวงพ่อวัดปากน้ำไปหาอ่านได้ที่นี่

ทางมรรคผล 18 กาย   http://wayofnivarana.blogspot.com
คู่มือสมภาร   http://originalabbothandbook.blogspot.com
วิชชามรรคผลพิสดาร   http://makphonphitsadan.blogspot.com
วิชชามรรคผลพิสดาร ๒  http://Makphonphitsadan2.blogspot.com

ของมหาโชดกเริ่มต้นก็ตกม้าตายไปแล้ว เพราะ  มั่วอยู่แค่สติปัฏฐาน 4 ไม่ยอมไปไหน  มหาโชดกไม่รู้หรือว่า พระพุทธเจ้าทรงค้นพบอริยสัจ 4 

การจะไปถึงอริยสัจ 4 ได้นั้น ต้องผ่านโพธิปักขิยธรรม หรือ โพธิปักขิยธรรม 37 เป็นธรรมอันเป็นฝักฝ่ายแห่งความตรัสรู้ คือ เกื้อกูลแก่การตรัสรู้ เกื้อหนุนแก่อริยสัจ 4 มี 37 ประการคือ

สติปัฏฐาน 4
สัมมัปปธาน 4
อิทธิบาท 4
อินทรีย์ 5
พละ 5
โพชฌงค์ 7
มรรคมีองค์ 8

ตำราของฝ่ายยุบหนอพองมีคำอธิบายเกี่ยวกับ โพธิปักขิยธรรม 37 ครบถ้วนหรือไม่  ไม่ต้องอะไรหรอก แค่สติปัฏฐาน 4 ยังอธิบายได้ไม่ครบเลย 


แล้ว “ยุบหนอพองหนอ” จะดับพาสาวกไปนิพพานได้อย่างไร  วิชาธรรมกายนั้น พาไปได้แน่ๆ เพราะ มีตำราอธิบายไว้ชัดเจน



1 ความคิดเห็น:

  1. อวิชชาแท้ๆน่าสมเพศน่าสงสารในทิฐิที่อวดอุตริมนุษยธรรมของท่านจริงๆ อะไรไม่ว่าจาบจ้วงพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบนี่นรกแท้ๆ...สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม..เฮ้อ..

    ตอบลบ