บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

คนแรกที่ค้นพบวิชาธรรมกาย


หนังสือมักกะลีผล เล่ม 2 เริ่มตั้งแต่บทที่ 47 ไปจบหนังสือบทที่-96  เรื่องราวที่เกี่ยวกับหลวงพ่อวัดปากน้ำ เริ่มมีตั้งแต่บทที่ 75

เรื่องดำเนินมาถึงที่ว่า พระเจริญหาเงินสร้างโบสถ์ได้ครบแล้ว จึงไปลาหลวงพ่อช่อ เพื่อไปหาความรู้เพิ่มเติม 

หลวงพ่อช่อถามพระเจริญว่า “จะไปเรียนที่สำนักไหนล่ะ

“คงจะเป็นวัดปากน้ำภาษีเจริญครับ อยู่จังหวัดธนบุรี ใกล้ๆ กับบางกอก”

“สำนักของหลวงพ่อสดน่ะซิ ฉันได้ยินมาว่า ท่านเก่งมาก และเป็นคนแรกที่ค้นพบวิชาธรรมกาย”

ข้อความที่ว่า “เป็นคนแรกที่ค้นพบวิชาธรรมกาย” นับเป็นความผิดพลาดครั้งแรกของสุทัสนา อ่อนค้อม และเป็นความผิดพลาดอย่างมาก

ไม่ว่าในแง่นักวิชาการหรือนักปฏิบัติธรรม

เอาในแง่นักวิชาการด้วยกัน และเรียนจบปริญญาเอกเหมือนกัน  สุทัสสา อ่อนค้อมไม่มีความรู้ในด้านวิชาธรรมกายอย่างที่นักวิชาการ ที่จบในระดับปริญญาเอกควรจะเป็นกัน

สุทัสสา อ่อนค้อมไม่เคยศึกษาวิชาธรรมกายอย่างที่นักวิชาการควรทำกัน

สุทัสสา อ่อนค้อมทำตัวเป็นชาวบ้านร้านตลาด ที่ฟังคนอื่นมาแล้ว ไปวิพากษ์วิจารณ์ต่อ โดยไม่ตรวจสอบหลักฐานด้วยตัวของท่านเอง

การที่กายละเอียดของสุทัสสา อ่อนค้อมโดนธาตุธรรมเอาไปลงโทษ รอแต่กายเนื้อตายก็จะไปถูกลงโทษด้วยกัน ก็เป็นการสมควรแล้ว

โดยธรรมชาติของนักวิชาการแล้ว เมื่อต้องการจะวิพากษ์วิจารณ์ใคร เราต้องศึกษาประเด็นนั้นๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วนและลึกซึ้งพอสมควร

พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ เราต้องเข้าใจ “เขา” เราถึงจะวิพากษ์วิจารณ์เขาได้ 

ผมจะวิพากษ์วิจารณ์สายยุบหนอพองหนอ ผมต้องอ่านหนังสือที่เกี่ยวข้องกับสายยุบหนอพองหนออยู่ประมาณ 3 ปี จึงเริ่มมีความรู้ที่จะวิพากษ์วิจารณ์

หลังจากได้ถกเถียงกัน ความรู้ของเราก็จะคมชัดมากยิ่งขึ้น แรกๆ ก็อาจจะผิดๆ ถูกๆ แต่เมื่อผ่านสนามมากขึ้น

อ่านมากขึ้น คิดมากขึ้น จนความรู้ของเราตกผลึก นั่นแหละ เรารู้จริงแล้ว

ข้อความที่ว่า “เป็นคนแรกที่ค้นพบวิชาธรรมกาย” นั้น  ไม่จริงร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม ไม่มีใครในสายวิชาธรรมกายกล่าวอย่างนั้น

แม้แต่หลวงพ่อวัดปากน้ำเองก็ไม่เคยสอนอย่างนั้น

หลวงพ่อวัดปากน้ำยืนยันว่า วิชาธรรมกายเป็นวิชาของพระพุทธเจ้าที่พระองค์ทรงสอนอยู่เมื่อพระองค์ประกาศศาสนา 

แต่วิชาธรรมกายนี้ ไม่มีผู้ปฏิบัติได้ผลอีกแล้ว เมื่อประมาณ พ.ศ. 500  จึงสามารถกล่าวได้ว่า วิชาธรรมกายได้หายสาบสูญไปจากการปฏิบัติ  และได้หายไปจากเนื้อหาของพระไตรปิฎกด้วย

เมื่อหลวงพ่อวัดปากน้ำท่านสอนว่า “ท่านค้นพบได้ใหม่”  ไม่ใช่ท่านพบเป็นคนแรก  คำที่ว่า คนพบใหม่ กับ ค้นพบได้อีก ความหมายแตกต่างกันอย่างมหาศาล

หลวงพ่อวัดปากน้ำยืนยันมาตลอดว่า พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงสอนวิชาธรรมกายทั้งนั้น ในที่นี่หมายความรวมถึงหัวข้อธรรมะอื่นๆ ด้วย  แต่การปฏิบัตินั้น พระพุทธองค์ทรงสอนวิชาธรรมกาย

วิชาพุทโธ วิชายุบหนอพองหนอ วิชานะมะพะทะนั้น เป็นวิชาที่เบี่ยงเบนไปจากวิชาธรรมกาย วิชาธรรมกายเป็นเนื้อแท้ของศาสนาพุทธ

การที่พลาดในเรื่องนี้ ไม่ใช่เป็นเรื่องอุบัติเหตุ หรือเรื่องพลั้งพลาด แต่เป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเป็นประจำในหนังสือมักกะลีผล

ในทางวิชาการนั้น การเขียนหนังสือของดอกเตอร์ทั้งหลายนั้น พวกเราจะต้องตรวจสอบกันแล้ว ตรวจสอบกันอีก ว่ามีข้อผิดพลาดหรือไม่  เพราะ ถ้าผิดพลาดไปแล้ว ชื่อเสียงมันจะกู้คืนได้ยาก

ในกรณีของสุทัสสา อ่อนค้อมนี้ เกิดจากความคิดคับแคบของตัวท่านเอง ที่ศรัทธาบุคคลใดบุคคลหนึ่งจนเกินไป

ความศรัทธานั้น จึงไปปิดบังสติปัญญาเสียหมดสิ้น

ที่ผมกล้าพูดอย่างนั้น เพราะ คำสอนของสายยุบหนอพองหนอนั้น ไร้สาระ หาหลักฐานใดๆ จากพระไตรปิฎกมาสนับสนุนไม่ได้เลย

สายนี้กล่าวว่า ของตนเป็นวิปัสสนา  และยึดเอาบางหัวข้อของสติปัฏฐาน 4 มาเป็นแนวปฏิบัติ พูดให้ชัดๆ ก็คือ พิจารณาอิริยาบถย่อย อิริยาบถใหญ่พร้อมกับพิจารณาพระไตรลักษณ์ ก็สามารถไปนิพพานได้แล้ว

เมื่อในพระไตรปิฎไม่มี  ก็ต้องไปโมเมเอาวิปัสสนาญาณของหนังสือวิสุทธิมรรคมาอ้าง ทั้งๆ ที่สายยุบหนอพองหนอไม่เคยทำตามหนังสือวิสุทธิมรรคเลย

พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ชัดเจนว่า พระองค์ใช้วิชชา 3 จึงได้ค้นพบอริยสัจ 4 จึงสามารถบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณได้

สายยุบหนอพองหนอ ไม่เคยกล่าวถึงอริยสัจ 4 เพราะ ไปยึดปฏิบัติเพียงบางหัวข้อของสติปัฏฐาน 4 เท่านั้น

ประการสำคัญก็คือ สติปัฏฐาน 4 เป็น “อนุปัสสนา/ตามเห็น” เท่านั้น ไม่ใช่ “วิปัสสนา/เห็นแจ้ง”  เรื่องแค่นี้ก็ยังไม่รู้  คนไปเชื่อก็ไม่รู้ว่าจะโง่กันไปถึงไหน

สายนี้สอนประจำว่า ต้อง เห็นกายใน เห็นเวทนาในเวทนา เห็นจิตในจิต เห็นธรรมในธรรม แต่ไม่ยอม “เห็น” อะไร  เห็นอะไรก็ว่าเป็นนิมิตลวงไปหมด

แล้วทะลึ่งแปลว่า “เห็น” ทำไม  น่าจะแปลเป็นคำอื่นซะ  ไม่ควรใช้คำว่า “เห็น” โดยเด็ดขาด.........

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น