เรื่องมักกะลีผลก็ดำเนินมาจนถึงพระเจริญกับสามเณรทองดีมาเข้าเรียนยุบหนอพองหนอที่วัดมหาธาตุ
วันที่พระเจริญมาถึงยังไม่ได้พบพระโชดก
เพราะ พระโชดกไปสอนกรรมฐานในคุกบางขวาง แต่อาจารย์แพงได้พูดถึงพระโชดก ดังนี้
“เดิมท่านชื่อมหาโชดก เพิ่งได้รับโปรดเกล้าฯ
พระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระอุดมวิชชาญาณ เมื่อเร็วๆ นี้
ท่านเป็นเจ้าคณะ 5 และเป็นวิปัสสนาจารย์ที่ชำนาญทั้งด้านปริยัติ
ปฏิบัติ และปฏิเวธ ในประเทศไทยไม่มีใครเทียบเทียมท่านได้”
ฟังอาจารย์แพงพรรณนาคุณสมบัติของท่านเจ้าคุณอาจารย์แล้ว
พระเจริญค่อนข้างแน่ใจว่า จะต้องเป็นบุคคลที่หลวงพ่อในป่าบอกว่า จะเป็นอาจารย์ของท่าน
(หนังสือมักกะลีผล เล่ม 2 หน้า 1034)
|
จะเห็นได้ว่า
หนังสือมักกะลีผลพยายามนักพยายามหนาที่จะโปรโมทพระมหาโชดกให้เป็นวิปัสสนาจารย์ที่เก่งที่สุดในเมืองไทยให้ได้
ทั้งๆ
ที่พระโชดกไม่ได้มีคุณสมบัติของเจ้าสำนักที่ดีแต่อย่างไร ซึ่งผมจะกล่าวถึงต่อไป
ในที่สุดพระเจริญก็ได้เริ่มเรียนยุบหนอพองหนอกับพระอื่นๆ
ที่เข้ามาร่วมฝึกด้วยกัน
เมื่อเริ่มสอนสติปัฏฐาน
4 โดยเริ่มตั้งแต่กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน พระมหาโชดกก็ถามพระผู้มาเรียนว่า
“มีใครเคยปฏิบัติเช่นนี้มาก่อนไหม” ท่านถาม เมื่อไม่มีผู้ใดตอบ
พระเจริญจึงเรียนท่านว่า
“ผมเคยปฏิบัติแนวพุทโธมาก่อนครับ พุท หายใจเข้า โธ หายใจออก
และเดินจงกรมโดยก้าวท้าวขวา กำหนด พุท ก้าวเท้าซ้าย กำหนด โธ
ผมทำถูกหรือเปล่าครับ
“ในมหาสติปัฏฐานสูตร ซึ่งอยู่ในทีฆนิกาย มหาวรรค พระไตรปิฎกเล่มที่
10 ข้อ 273-300 มีบอกไว้ชัดเจน ยืน เดิน นั่ง นอน คู้แขน เหยียดขา
มีสติสัมปชัญญะทุกขณะจิต แต่เรามาทำพุทโธกันเอง
คุณทราบไหม พุทโธ ธัมโม สังโฆคืออะไร” ท่านถาม
และยังมิทันที่ผู้ใดจะตอบ ท่านก็ตอบเสียเองว่า
“พุทโธ มาจาก พุทธะ แปลว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
ไม่ว่าหญิงหรือชายก็เป็นพุทธะได้ หากปฏิบัติถูกทางและอย่างถูกต้อง
แต่การที่คุณเดินจงกรม กำหนด “พุท-โธ” ไว้ที่เท้านั้น
คุณคิดว่าถูกต้องไหม ทำไมเอาตำราของพระพุทธเจ้าไปไว้ที่เท้าล่ะ บาปมากนะ
ขอให้เลิกทำเสียตั้งแต่บัดนี้
(หนังสือมักกะลีผล เล่ม 2 หน้า 1036-1037)
|
ข้อความในย่อหน้าสุดท้ายที่ยกตัวอย่างไปข้างต้นนั้น
คือ ความเลวบัดซบของพระมหาโชดก ที่ชอบโจมตีสายปฏิบัติธรรมอื่นทั้งหมด
พระมหาโชดกไปเรียนวิชายุบหนอพองหนอที่พม่าประมาณ
8 เดือน ก็กลับประเทศไทยแล้ว ทางพม่าต้องส่งพระพม่ามาควบคุมอีก 2 รูป
ท่านผู้อ่านลองคิดดูซิว่า
พระมหาโชดกเรียนวิชายุบหนอพองหนอได้ขนาดไหน
ภาษาพม่าพูดไม่ได้ เรียนได้แค่นั้น
ก็ขอกลับเมืองไทย
การที่พระโชดกมาสอนยุบหนอพองหนอโดยให้กำหนดไว้ในใจว่า
“ยุบหนอพองหนอ” ก้าวหนอ เห็นหนอ ฯลฯ
นั่นก็ผิดหลักคำสอนตรงๆ ของพระมหาสีสะยาดอว์แล้ว
คำสอนดั้งเดิมนั้น
ไม่ต้องมีการภาวนา ให้รู้สึกตัวเสมอเท่านั้น ไม่ต้องภาวนา
นี่ก็แสดงให้เห็นว่า
พระมหาโชดกไม่ได้รู้ลึกซึ้งในวิชายุบหนอพองหนอที่เรียนมา
แต่ความโง่บัดซบของท่านเอง
คิดว่าท่านรู้มาก จึงได้เที่ยวโจมตีสายปฏิบัติอื่นๆ ในเมืองไทยทั้งหมด
ที่เห็นได้ชัดก็คือ สายปฏิบัติอื่นทั้งหมดในเมืองไทย เป็นสมถะอย่างเดียว
ไปนิพพานไม่ได้ ฯลฯ
จากตัวอย่างข้างบนที่ยกไปนั่น
ก็เป็นการโจมตีสายพุทโธ
การเดินจงกรม
โดยภาวนาคำว่า “พุธ” แล้วก็ก้าวเท้าซ้าย ภาวนาคำว่า “โธ” แล้วก้าวเท้าขวา
ผมไม่เห็นว่า จะเป็นการเอาคำสอนของพระพุทธเจ้ามาไว้ที่เท้าแต่อย่างใด
คิดงี่เง่าแบบนี้ได้อย่างไรก็ไม่รู้พระโชดก
ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ
สายยุบหนอพองหนอนั้น ชอบเดินจงกรมเป็นที่สุด มากกว่าสายปฏิบัติอื่นๆ
ในเมืองไทย
ทำไมไปโจมตีการเดินจงกรมของพุทโธ
แต่มายกย่องการเดินจงกรมของตนเอง
ก็เอาตีนเดินเหมือนกัน.........
ในหนังสือมักกะลีผล
เล่ม 2 หน้า 1038 ก็เขียนไว้ชัดเจนดังนี้
จากนั้น จึงให้อาจารย์แพง และมหาหนูสอนภาคปฏิบัติ
เริ่มจากการเดินจงกรมระยะที่หนึ่ง โดยการกำหนด “ขวา-ย่าง-หนอ” และ
“ซ้าย-ย่าง-หนอ”
|
เออ. ถ้าสายยุบหนอพองหนอเดินจงกรมโดยเอาตีลังกา
แล้วเอามือเดิน ไม่ได้ใช้ตีนเดิน ค่อยไปว่าสายพุทโธเขา............
โดยสรุปในบทความนี้
มหาโชดกนั้น
มีความเลวจังไรโดยสายเลือดของท่านเลยทีเดียว
ความเลวจังไรนี้ ไม่ได้เป็นผลิตผลของการสอนของพระพม่า แต่เป็นความเลวจังไรส่วนตัว
ที่ไม่สามารถเลียนแบบได้
ใครทำอะไรที่ไหน
แม่ง.... ผิดหมด ไม่มีใครถูกแม้แต่อย่างเดียว แต่พอมหาโชดกทำแบบนั้น กลับถูกต้อง
ไม่เป็นไร
เกิดมาจนอายุป่านนี้
ไม่เคยพบ ไม่เคยเห็น
การเดินจงกรมของสายพุทโธ ซึ่งเอาเท้าเดิน หรือเอาตีนเดินก็ได้
ไม่ถูกต้อง
“พุทโธ มาจาก พุทธะ แปลว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
ไม่ว่าหญิงหรือชายก็เป็นพุทธะได้ หากปฏิบัติถูกทางและอย่างถูกต้อง
แต่การที่คุณเดินจงกรม กำหนด “พุท-โธ” ไว้ที่เท้านั้น
คุณคิดว่าถูกต้องไหม ทำไมเอาตำราของพระพุทธเจ้าไปไว้ที่เท้าล่ะ บาปมากนะ
ขอให้เลิกทำเสียตั้งแต่บัดนี้
(หนังสือมักกะลีผล เล่ม 2 หน้า 1036-1037)
|
แต่การเอาส้นตีนของมหาโชดกเดิน
“ขวา-ย่าง-หนอ” และ “ซ้าย-ย่าง-หนอ” ไม่เป็นไร
ถูกต้อง ก็เอาส้นตีนเดินด้วยกันทั้งนั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น