บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

นารีผลกับความเท็จ [2]

เรามาวิพากษ์วิจารณ์ข้อเขียนของคุณธารณธรรมกันต่อ และก็เหมือนเดิม ค่อยๆ อ่านไป ผมจะวิพากษ์วิจารณ์ไปด้วย

๘. ในประวัติท่านป่าม่วงไม่พูดถึงหลวงปู่ศุขวัดมะขามเลย

แต่นิยายตุ๊กตาผล บอกว่าไปเรียนวิชาอาคมกับหลวงปู่ศุขโดยตรง ทั้งๆ ที่หลวงปู่ศุขมรณภาพก่อนท่านป่าม่วงเกิดประมาณประมาณ ๕ ปีครึ่ง คือหลวงปู่ศุข มรณภาพ ปี ๒๔๖๖ .(ประเจียด คงศาสตรา,...๒๕๓๕(?), ประวัติ อภินิหาร คาถาอาคม และพระเครื่อง หลวงปู่ศุข วัดคลองมะขามเฒ่า, พิมพ์ครั้งที่ ๑ ,กรุงเทพฯ:สำนักงานนิตยสารโอม, หน้า ๕๐) ส่วนท่านป่าม่วงเกิดปี ๒๔๗๑

๙. ปี ๒๔๙๔ ศึกษาและปฏิบัติกรรมฐานกับพระสุทธิธรรมรังสี (หลวงพ่อลี ธมฺมโร) วัดอโศการาม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ และท่านเจ้าพระคุณอริยคุณาธาร (เส็ง ปุสฺโส) อำเภอเขาสวนกวาง จังหวัดขอนแก่น

นิยายตุ๊กตาผล บอกว่า เรียนสะเดาะกุญแจกับหลวงพ่อลี และติดตามหลวงพ่อลีไปวัดบางปิ้ง ทั้งที่ปี ๒๔๙๔ วัดอโศการามยังไม่เกิด

นางกิมหงษ์และนายสุเมธ ไกรกาญจน์ ได้ถวายที่ดินชื่อ “นามาขาว” เนื้อที่ประมาณ ๕๓ ไร่ เมื่อปี ๒๔๙๗ ได้ตั้งเป็นสำนักขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๘ (พระประวัติ พระสุทธิธรรมรังสัมภีรเมธาจารย์, ๒๕๑๔, หน้า๙๔)

ที่สำคัญท่านพ่อลีไม่เคยธุดงค์ผ่านถิ่นท่านป่าม่วง ท่านพ่อลีไม่สนใจเดรัจฉานวิชา ท่านสอนไม่ให้คนเชื่อผี ท่านมีบารมีด้านพระธาตุเป็นพิเศษ

โดยเฉพาะ ท่านเตรียมเดินทางไปต่างประเทศตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ๒๔๙๓ ออกเดินทางไปพม่าตั้งแต่เดือนมกราคม ปี พ.ศ. ๒๔๙๔ แล้วเดินทางต่อไปจำพรรษาที่ประเทศอินเดีย ออกพรรษาแล้ว เดินทางกลับพม่า

ท่านเดินทางกลับประเทศไทยในเดือน ธันวาคม ๒๔๙๔ และพักอยู่กับสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน) ที่วัดบรมนิเวส ได้ตรึกตรองอยู่หลายวัน เกือบๆ จะได้รับอนุญาตให้เดินทางจึงเดินทางไปพม่าอีก

ก็เผอิญมีบางเรื่องบางอย่างแทรกซึมเข้ามา ............ จึงได้เดินทางกลับไปเยี่ยมญาติโยมที่จังหวัดจันทบุรี

อยู่มาจวนจะเข้าพรรษาก็ได้เดินทางจากจันทบุรี กลับมาพักอยู่ที่วัดบรมนิเวสตามเคย{ พระประวัติ พระสุทธิธรรมรังสัมภีรเมธาจารย์ (พระอาจารย์ลี ธมฺมธโร) ซึ่งท่านพ่อลีเล่าเอง พิมพ์ครั้งที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๑๕ หน้า ๖๔ –๖๘ [หนังสือเล่มนี้ พลโท (ยศขณะนั้น) พงษ์ ปุณณกัณต์ เป็นประธานจัดพิมพ์] วัดอโศการาม โทร ๐๒ ๓๘๙-๒๒๙๙, ๐๒ ๓๙๕-๐๐๐๓ }

จะเห็นว่า ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ๒๔๙๓ จนหมดปี ๒๔๙๔ ท่านพ่อลีไม่ว่าง จึงเป็นไปไม่ได้ที่ท่านป่าม่วงจะมีโอกาสพบท่านพ่อลีที่ถิ่นท่านป่าม่วง

อีกประการหนึ่ง ท่านพ่อลีสอนกรรมฐานโดยใช้อานาปานสติ ซึ่งท่านป่าม่วงบอกว่า รู้สึกขยาดกรรมฐานอานาปานสติของหลวงพ่อพูน แล้วจะมาเรียนกรรมฐานกับท่านพ่อลีได้อย่างไร?

ไม่เข้าใจว่าทำไมได้เขียนเรื่องแบบนี้ลงไปในประวัติของตนและในตุ๊กตาผล ทั้งๆ เรื่องนี้สามารถพิสูจน์ทราบได้ไม่ยากว่าว่าเป็นไปไม่ได้

อยากให้ช่วยกันวิจารณ์ว่า อะไรเป็นเหตุให้เขียนเรื่องที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง หรือเป็นว่าเป็นนโยบายที่บอกให้ใครๆ ทราบว่า ท่านป่าม่วงมีพระอาจารย์ดังทุกสาย

๑๐. ปี ๒๔๙๖ ท่านป่าม่วง ศึกษาวิชาสมถวิปัสสนากับพระภาวนาโกศลเถร (สด จนฺทสโร) หรือหลวงพ่อวัดปากน้ำ อ.ภาษีเจริญ จ. ธนบุรี (หนังสือกฏแห่งกรรม.......... เล่ม ๑ )

เป็นที่น่าสังเกตว่า ไม่ตรงกับข้อมูลหนังสือที่ระลึกในงานเลื่อนสมณะศักดิ์ชั้นเทพ ที่บอกว่า ปี ๒๔๙๓ ศึกษาและปฏิบัติสมถกรรมฐานวิชชาธรรมกาย กับ พระภาวนาโกศลเถระ (สด จันทฺสโร) หลวงพ่อวัดปากน้ำ อำเภอภาษีเจริญ จังหวัดธนบุรี

ที่แปลกเอามาก ๆ ในหนังสือเล่มเดียวกันนี้ ท่านป่าม่วงเขียนจดหมายเรียนเจ้าประคุณสมเด็จฯวัดปากน้ำว่า เคยมาเรียนกรรมฐานกับหลวงพ่อวัดปากน้ำในปี ๒๔๙๖ (หนังสือ..ชั้นเทพ หน้าโมทนาพจน์ ๓)

ซึ่งแสดงว่า ต้องมาเรียนวิชชาธรรมกายกับหลวงพ่อวัดปากน้ำ ๒ ครั้ง คือครั้งแรก ๒๔๙๓ และครั้งสอง มาเรียน ๒๔๙๖

น่าเสียดายที่ท่านป่าม่วงไม่ได้เรียนเจ้าประคุณสมเด็จฯ วัดปากน้ำอย่างตรงไปตรงมา ว่าเคยมาเรียนกรรมฐานกับหลวงพ่อ ๒ ครั้ง คือ ครั้งแรกมาเรียนปี ๒๔๙๓ ครั้งที่ ๒ เรียนในปี ๒๔๙๖ ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็จะเป็นแบบอย่างที่ดีแก่อนุชนรุ่นหลัง

๑๑. ท่านป่าม่วงเทศน์ที่สำนักปฏิบัติธรรมสวนแก้ว เมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๔๑ ว่ามาเรียนวิชชาธรรมกายเมื่อ ปี ๒๔๙๓ และบอกว่า ตนได้ธรรมกายบนรถเมล์ขาว ในปีนั้นด้วย และบอกว่า เห็นคนสิงห์บุรี ๓* คน กำลังกราบหน้า พระรูปรัชการที่๑

แต่ที่น่าสังเกต ในนิยายตุ๊กตาผลบอกว่าพอสำเร็จวิชชาธรรมกาย ก็มองว่าเห็นคนสิงห์บุรี ๑ คน อยู่หน้าพระรูปรัชกาลที่ ๑ ทำไมจำนวนคนที่เห็นไม่เท่ากัน ในเมื่ออยู่ในเหตุการณ์เดียวกัน นี้ต่างกันถึง ๒ คน

นิยายตุ๊กตาผลนั้น บ่งชี้ว่าท่านป่าม่วงอ้างว่าสำเร็จวิชชาธรรมกายในปี ๒๔๙๖ ไม่ใช่ปี ๒๔๙๓

*ที่ว่าสำเร็จวิชชาธรรมกายนั้น ขอบอกว่าไม่ใช่ การสำเร็จวิชชาธรรมกายนั้น จะต้องเดิน ๑๘ กายได้แบบทั้งรู้ทั้งเห็น จึงจะถือว่าสำเร็จวิชชาธรรมกายตามคำสอนของหลวงพ่อวัดปากน้ำ*

แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 49 17:44:04
จากคุณ : ธารณธรรม - [ 18 ส.ค. 49 17:23:44 ]

ตรงนี้ คุณธารณธรรมก็เข้าใจวิชาธรรมกายไม่ถูกต้อง  วิชา 18 กายนั้น เป็นวิชาระดับอนุบาล ยังมีตำราอีก 3 เล่มที่จะต้องเรียน

และคำว่า “สำเร็จวิชาธรรมกาย” ไม่มี






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น