เรามาวิพากษ์วิจารณ์ข้อเขียนของคุณธารณธรรมกันต่อ
และก็เหมือนเดิม ค่อยๆ อ่านไป ผมจะวิพากษ์วิจารณ์ไปด้วย
๑๒.
ปี ๒๔๙๗ ศึกษาและปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน กับเจ้าคุณอาจารย์พระอุดมวิชาญาณเถระ
วัดมหาธาตุ จังหวัดพระนคร
ต่อมาเป็นพระธรรมธีรราชมหามุนี
เจ้าคณะภาค ๙ (พระอาจารย์ใหญ่ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ)
นิยายมักกะลีผลบอกให้ทราบว่า ท่านป่าม่วงเรียนกรรมฐานกับท่านเจ้าคุณโชดกเมื่อ
“เดือนมิถุนายน - เดือนตุลาคม ๒๔๙๗”
ดังนั้นท่านป่าม่วงต้องได้ฟังการเทศน์ลำดับญาณปลายเดือนตุลาคม
ก่อนที่จะย้ายไปอยู่ที่วัดระฆังเพื่อเรียนอภิธรรมที่วัดระฆังเป็นเวลา ๓ เดือน
จึงเป็นไปไม่ได้ที่ท่านป่าม่วงจะได้ฟังเทศน์ลำดับญาณพร้อมสมเด็จพระศรีนครินทราพระบรมราชชนนี
เพราะพระองค์ท่านทรงเริ่มปฏิบัติกรรมฐาน เมื่อ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๘ หลักสูตร ๑
เดือน
ดังนั้น การบอกใครๆ เขียนในเว็บ หรือเขียนประกาศว่าฟังเทศน์ลำดับญาณพร้อมสมเด็จพระศรีนครินทราพระบรมราชชนนี
นั้นเป็นการอาจเอื้อมเบื้องสูงโดยแท้
ถ้ามีการเอาเรื่องนี้ขึ้นสู่โรงศาล คงมีคนต้องคดีหลายคน
และเป็นไปไม่ได้ที่ได้ฟังเทศน์ลำดับญาณพร้อมหลวงพ่อวัดปากน้ำ
ที่ถูกเกณฑ์ให้เรียนกรรมฐานแบบหนอเมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๘ หลักสูตร ๑
เดือน เพราะท่านป่าม่วงออกจากวัดมหาธาตุไปแล้วประมาณ ๓-๔ เดือน
เพราะการฟังเทศน์ลำดับญาณนั้น เขาฟังกันเฉพาะผู้ที่บรรลุญาณ ๑๖
ใหม่ๆ ไม่ใช่จบไปตั้งนานแล้วกลับมาฟังพร้อมผู้เพิ่งจบ
ไม่มีสำนักปฏิบัติกรรมฐานแบบหนอที่ไหนเขาปฏิบัติกัน
ดังนั้น เรื่องที่บอกว่าได้ฟังได้ยินเรื่องที่หลวงพ่อวัดปากน้ำพูดกับเจ้าคุณโชดก
จึงเป็นไปไม่ได้ เป็นการจินตนาการเขียนเอาเอง
เป็นที่ทราบกันดีสำหรับพวกปฏิบัติกรรมฐานสายหนอ
ว่าสำนักวิเวกอาศรม ชลบุรี สมัยที่พระอาจารย์อาสภเถระเป็นเจ้าสำนัก
หลวงพ่อเดือนเป็นผู้ช่วยนั้น
ทางสำนักวิเวกอาศรมไม่รับรองผู้ที่ต้นสำนักท่านป่าม่วงบอกว่า บรรลุญาณ
๑๖ เพราะเคยมีตัวอย่างที่ต้นสำนักรับรองสามเณรรูปหนึ่ง เข้าใจว่าเป็นรูปแรกเพราะเห็นตื่นเต้นกันใหญ่
แต่พระอาจารย์อาสถเถระท่านคัดค้านว่าไม่ใช่
และเป็นดังที่ท่านอาจารย์อาสภเถระบอก เพราะสามเณรคนนั้นสึกแล้วเป็นขโมย
มีบุคคลกลุ่มหนึ่งที่ทางสำนักเดิมรับรองว่าบรรลุญาณ ๑๖ แล้ว
ไปปฏิบัติธรรมที่สำนักวิเวกอาศรม เนื่องจากบุคคลเหล่านั้นไม่ได้บรรลุญาณ ๑๖ จริง
จึงคิดทำการใหญ่ อยากเป็นเจ้าสำนัก
จึงรวมหัวกันทำร้ายพระอาจารย์อาสภเถระจนท่านสลบ โชคดีที่ท่านไม่มรณภาพ
พวกบรรลุญาณ๑๖เทียม เลยเข้าคุกไปตามระเบียบ
๑๓.
ปี ๒๔๙๘ ศึกษาพระอภิธรรม กับอาจารย์เตชิน (ชาวพม่า) วัดระฆังโฆษิตาราม
จังหวัดธนบุรี ๓ เดือน
นิยายตุ๊กตาผลบอกให้ทราบว่า ท่านป่าม่วงเรียนอภิธรรมที่วัดระฆังเมื่อ
พฤศจิกายน ๒๔๙๗ – มกราคม ๒๔๙๘
๑๔.
กฎแห่งกรรม ......เล่มที่๕ ท่านป่าม่วงบอกว่าพบแม่ชุมศรีแม่ในอดีตชาติเมื่อ ๕
กุมภาพันธ์... และบอกว่าจำปีไม่ได้ (หมายถึงขณะที่กำลังเทศน์
ต้องกลับไปดูบันทึกจึงจะทราบ)
โชคดีที่นิยายตุ๊กตาผลบอกให้ทราบว่า ท่านป่าม่วงได้พบแม่ในอดีตชาติเมื่อ
“๕กุมภาพันธ์ ๒๔๙๘”
๑๕.
ปี ๒๔๙๘ ศึกษาการพยากรณ์ จากสมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทยมหาเถระ) วัดสระเกศ
จังหวัดพระนคร
15. เป็นที่น่าสังเกตว่า นิยายตุ๊กตาผลเขียนว่า
ท่านป่าม่วงประกาศว่า ตนบรรลุญาณ ๑๖ แล้ว เป็นพระโสดาบัน เหมือนจบปริญญาตรีแล้ว
หลังจากเรียนอภิธรรมวัดระฆัง ๓ เดือนแล้วจึงกลับไปอยู่วัด
ดังนั้นการศึกษาการพยากรณ์กับสมเด็จพระสังฆราชอยู่วัดสระเกศต้องหลังกลางเดือนกุมภาพันธ์
๒๔๙๘ไปแล้ว
แต่อยากตั้งข้อสังเกตว่า การศึกษาวิชาโหราศาสตร์นั้น ผิดวิสัยของพระอริยบุคคล
เพราะวิชาโหราศาสตร์จัดเป็นสีลัพพตปรามาส นั้นหมายความว่า ท่านป่าม่วงยังไม่ได้เป็นพระอริยบุคคลเท่านั้นเอง
สมจริงตามที่พระอาจารย์อาสภเถระไม่รับรองบุคคลที่ทางต้นสำนักของท่านป่าม่วงบอกว่าบรรลุญาณ
๑๖
๑๖.
หนังสือกฎแห่งกรรมเล่ม๕ เขียนว่า “ท่านป่าม่วงมีนิมิตกรรมฐานว่า
เราก็รู้มาก่อนที่จะไปบ้านแม่...... ในนิมิตนี้ก็บอกว่า ไปรบทัพจับศึกกัน
ยังรู้สึกว่าจำได้ว่ามันฟันอะไร
เพราะอ้ายพม่ารามัญเตรียมจากธนบุรีตามลำน้ำ มันก็ขึ้นมาหมดแล้ว ไม่มีเหลือแล้ว
และเราจำต้องไปรบกับพม่า ใช้เรือรบที่บางไทร ฆ่าพม่าตายมากมาย
เลยพอดีโดนกลศึกวิธีคนไทยด้วยกัน
ถีบเราหลุดตกน้ำถึงแก่ความตาย แล้วดาบนั้นพวกนี้เอาไป
แล้วก็ซัดเซพเนจรไปเรื่อยๆ
กระทั่งไปอยู่ถึงเชียงใหม่ แล้วล่องกลับมาถึงกรุงศรีอยุธยาตามเดิม
แล้วเราก็นิมิตว่า เราตกน้ำตาย นี่อาตมาไม่ได้ดาบอาตมาตายไปแล้ว’ (กฏแห่งกรรม
–ธรรมปฏิบัติ เล่ม ๕ หน้า ๖๔-๖๕)
แต่นิยายตุ๊กตาผล
“...ส่วนตัวท่านป่าม่วงซึ่งเป็นแม่ทัพจะหนีเอาตัวรอดไม่ได้
จึงจำใจสู้แม้ขาดขวัญและกำลังใจ ด้วยฝีมือและชั้นเชิงในการรบ
ท่านไม่มีวันแพ้พม่าได้ แต่ฝ่ายพม่าใช้แผนสกปรก ใช้กลศึกวิธีฆ่าท่านจนได้
เมื่อทหารนำศพท่านใส่เรือมาส่งที่ศาลาท่าน้ำ แม่........วิ่งร้องให้มาจากบนเรือน
ผ้าผ่อนท่อนสไบหลุดลุ่ย หล่อนกอดศพท่านร่ำให้จนปิ่มว่าจะขาดใจ
และในชาตินี้หล่อนก็ได้มาเกิดอีก รูปร่างหน้าตาเปลี่ยนไป
จะเห็นว่าเรื่องเดียวกัน เหตุการณ์เดียวกัน
ท่านป่าม่วงไม่เคยเล่าตรงกัน
นี่เป็นเรื่องน่าคิด ว่าเป็นเรื่องที่เห็นในนิมิตจริงๆ
หรือเป็นเรื่องยกเมฆ เพราะว่าถ้าเห็นจริงพูดร้อยครั้งก็ต้องเหมือนกันร้อยครั้ง
ถามว่า แม่ทัพคนเก่งของอยุธยา ที่ไม่มีใครสู้ได้
แม่ทัพคนอื่นต่างพากันอิจฉา อยากได้ตำแหน่งของตน แต่ไร้ความสามารถ
ไม่รู้จักวิชาทางน้ำเลยเชียวหรือ แค่ถีบตกน้ำก็ถึงแก่ความตาย
และที่น่าสงสัยยิ่ง
ที่บอกว่าสารขัณฑ์ประเทศจะต้องนำแม่ทัพคนอื่นไปแลกเปลี่ยน
พม่าหรือจะโง่ยอมแลกแม่ทัพคนเก่งกับแม่ทัพที่ไร้ฝีมือ
เว้นแต่ได้เกลี่ยกล่อมให้แม่ทัพเชลยศึกคนนั้นเป็นไส้ศึกเรียบร้อยแล้วจึงจะยอมให้แลกเปลี่ยน
ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่เคยมีปรากฏในประวัติศาสตร์แห่งสารขัณฑ์ประเทศ
และที่น่าสังเกตท่านเทศน์ดูถูกคนไทย แล้วชี้ที่ตัวเองว่าตนไม่ใช่คนไทย ......
พ่อเป็น........ แม่เป็น.......
จึงใคร่เชิญชวนนักประวัติศาสตร์
หันมาพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่ใช่กลัวต่อคำว่าพระอรหันต์
จนไม่กล้าทำอะไร อย่างที่นักวิชาการควรกระทำ
เพราะพระอรหันต์จริง
ท่านยินดีสนับสนุนให้ผู้คนพิสูจน์สิ่งที่ท่านพูดว่าจริงหรือเท็จ ไม่มีโทษ
มีแต่คุณสถานเดียว เว้นแต่อรหันต์เทียมเท่านั้นที่กลัวการพิสูจน์
๑๗.
คุณแม่ท้วมเป็นนางสาวท้วม หุตานุกรม ไม่เคยแต่งงาน ท่านมาอยู่วัดปากน้ำตั้งแต่อายุ
๓๕ ท่านเป็นหัวหน้าอุบาสิกาวัดปากน้ำและหัวหน้าโรงครัว (วุฑฺฒสีล, ๒๔๙๗,
ประวัติ “คุณแม่” ใน นวกะ อนุสรณ์ ๒๔๙๗, วัดปากน้ำ,
ภาษีเจริญ, กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ไทยพณิชยการ,
หน้า ๗๑ –๗๘)
แต่นิยายตุ๊กตาผล เขียนว่าท่านป่าม่วงบอกว่าโยมท้วม
ครั้นสามีตายและลูกเต้าออกเหย้าออกเรือนกันไปหมด
แกจึงมาอยู่วัดอย่างถาวรตอนอายุหกสิบพอดิบพอดี
ซึ่งไม่ทราบว่าเขียนมาได้อย่างไร
ไม่กลัวเขาจับได้หรือว่าเป็นเรื่องไม่จริง เป็นการทำลายเครดิตตัวเองโดยแท้
คงเป็นเรื่องนึกไม่ถึงว่าจะมีคนมาค้นพบความจริงในภายหลัง
เพราะว่าความลับไม่มีในโลก
๑๘.
เรื่องพระเวสสันดรในนิยายตุ๊กตาผลนั้น บอกว่าพระอินทร์เนรมิตต้นตุ๊กตาผล ๑๖ ต้น
ให้ออกผลเฉพาะวันที่พระนางมัทรีออกหาอาหาร
เพื่อป้องกันฤาษีลามกไม่ให้ไปลวนลามพระนางมัทรี
เปิดโอกาสให้ฤาษีลามกเก็บตุ๊กตาผลไปทำเมีย
และบอกว่า ป่าหิมพานต์ที่พระเวสสันดรอยู่มีหิมะปกคลุม
ถ้าป่าที่พระเวสสันดรอยู่มีหิมะปกคลุมจริง
ตุ๊กตาผลก็จะกลายเป็นตุ๊กตาหิมะ ใครจะเอามาทำเมียได้
ป่าที่พระเวสสันดรอยู่ไม่ใช่ป่าหิมพานต์
ถ้าเป็นป่าหิมพานต์จริง ก็ต้องมีต้นนารีผลโดยธรรมชาติ
ไม่ต้องให้ใครเนรมิต และนารีผลนี้จะอยู่ได้เพียง ๗ วันเท่านั้น นานกว่านี้ก็จะเน่า
และป่าที่พระเวสสันดรอยู่ ก็ไม่มีฤาษีลามกแม้แต่ตนเดียว
มีพูดถึงฤาษีเพียงตนเดียว คือ อจุตฤาษีซึ่งเป็นผู้บอกทางให้ชูชกไปพบพระเวสสันดร
๑๙.
ท่านป่าม่วงเทศน์ที่สำนักปฏิบัติธรรมสวนแก้ว เมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๔๑
เทศน์ว่า อาจารย์แม่ชีหวานใจ ( เจ้านักปฏิบัติธรรมสวนแก้ว) จิตท่านงอก
จิตท่านสดใส ใจสะอาดเหมือนดวงแก้ว
กล่าวคือนิพพาน
ปราศจากโลภโกรธหลง ไม่มีอะไร ฉุดให้พะวักพะวง อยู่ในดวงใจให้ขุ่นมัวอีก
นึกเงินไหลหนองนึกทองไหลมา”
อาจารย์แม่ชีหวานใจ ชูกร เป็นศิษย์หลวงพ่อโดยตรง
ท่านไปสร้างสำนักปฏิบัติธรรมสวนแก้ว ที่อำเภอจอมบึง
ปฏิบัติกรรมฐานสมถวิปัสสนาวิชชาธรรมกายมาตลอด
ท่านเขียน หนังสือ “วิชชาพระธรรมกาย (ปราบมาร)
ดังนั้นถ้าท่านจะเป็นพระอริยบุคคล ท่านก็เป็นด้วยวิชชาธรรมกาย
การที่ท่านป่าม่วงพูดแบบนี้ก็ถือว่ารับรองวิชชาธรรรมกายไปในตัว
ว่าวิชชาธรรมกายก็ทำให้คนบรรลุพระอรหันต์ได้
ไม่เป็นการขัดแย้งกับที่ท่านป่าม่วงชอบพูดว่าวิชชาธรรมกายแก้ทุกข์ประจำไม่ได้หรือ
จากคุณ
: ธารณธรรม - [ 18 ส.ค. 49 17:24:52 ]
|
Harrah's Resort Atlantic City - MapYRO
ตอบลบHarrah's 광명 출장마사지 Resort 남양주 출장안마 Atlantic 평택 출장안마 City is located 강릉 출장마사지 in the Marina District and is a short drive 동해 출장안마 from Harrah's Atlantic City. It also provides laundry facilities and